ความรู้เกี่ยวกับแมลงสาบ (Knowledge about Cockroachs)
แมลงสาบ (Cockroachs) เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่มีอายุมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ในยุคคาร์โบนิฟีรัส (Carboniferous) ประมาณ 295-355 ล้านปี มาแล้ว มีจำนวน มากกว่า 4000 ชนิด และพบ 25-30 ชนิดที่เป็นศัตรูแก่มนุษย์
คำว่า สาบ หมายถึง กลิ่นเหม็นสาบ กลิ่นเหม็นอับ ที่เป็นที่มาของชื่อที่คนไทยเรียก เนื่องจากเป็นแมลงที่มีกลิ่นเหม็นสามารถสร้างความ เสียหายแก่ข้าวของเครื่องใช้ ผลผลิตทางการเกษตร อาหาร และสร้างความรำคาญ รวมถึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคบางชนิดได้
ฝุ่นจากซากแมลงสาบ จัดเป็นสารก่อภูมิแพ้ทำให้เกิดโรคจมูกอักเสบ และโรคภูมิแพ้อื่นๆ เช่น หอบหืด โดยก่อให้เกิด อาการภูมิแพ้ได้จากการสัมผัส การสูดดม และการกิน รวมถึงเป็นสัตว์พาหะนำโรคอื่นๆได้ด้วย
ลักษณะทั่วไป
แมลงสาบ : มีลักษณะ ลำตัวรูปไข่ รูปร่างแบนจากด้านบนลงล่าง มีสีแตกต่างกันตามสายพันธุ์ ได้แก่ สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาล สีน้ำตาลเข้มเกือบดำ, ลำตัวมีลักษณะเป็นเงา มีหัวขนาดเล็กอยู่ใต้สันหลัง, บริเวณอกปล้องแรกที่มีลักษณะใหญ่ สามารถป้องกันส่วนหัว และปากได้ดี
บริเวณส่วนหัว
ใต้ตามีหนวดคล้ายเส้นด้าย 1 คู่ เคลื่อนไหวไปมาได้เร็ว ใช้สำหรับทำหน้าที่นำทาง สัมผัสกลิ่น และ หาอาหาร ปากมีรูปร่างแบบกัดกิน ที่ใช้กัดกินอาหารทั้งพืช และสัตว์ ปีก มี 2 คู่ ประกอบด้วยคู่แรกที่มีลักษณะคล้ายหนัง ส่วนคู่หลังมีลักษณะบางๆ สามารถกางออกได้กว้าง และเป็นจีบพับคล้ายพัด เมื่อหุบตัว ปีกทั้งสองคู่จะพับเรียบแนบลำตัว ปลายปีกซ้อนทับกันเลยลำตัวเล็กน้อย บางชนิดมีปีกยาวมากกว่าลำตัวมาก และบางชนิดมีปีกคลุม ลำตัวไม่มิด การแยกเพศ
แมลงสาบสามารถสังเกตได้จากส่วนท้อง โดยเพศเมีย และเพศผู้จะมี cerci เหมือนกัน 1 คู่ แต่เพศผู้จะ styles เพิ่มมาอีก 1 คู่
วงจรชีวิตแมลงสาบ
การดำรงชีพ
- แหล่งที่อยู่อาศัยของแมลงสาบมักพบภายในบ้านหรือบริเวณที่ร้อนชื้น และมีแหล่งอาหารจากเศษอาหาร เช่น ตู้เสื้อผ้า ห้องครัว ห้องเก็บของ ตู้กับข้าว ถังขยะ ท่อระบายน้ำ เป็นต้น บางชนิดพบอาศัยตามโพรงไม้ กัดกินเนื้อไม้เป็นอาหาร ซึ่งมีเพียงไม่กี่ชนิดที่ชอบ อาศัย และก่อความรำคาญในบ้านเรือน
- ถึงแม้ แมลงสาบ จะชอบอาศัยในอาคารบ้านเรือน แต่จะสังเกตเห็นตัวได้ยาก เนื่องจากในเวลากลางวันหรือสถานที่ที่มีแสงสว่าง แมลงสาบจะหลบตัวในที่มืดในซอกมุมต่างๆ เช่น หลังตู้ ในตู้เสื้อผ้า ฝ้า เพดาน เป็นต้น และจะออกมาหากินอาหารในเวลากลางคืน หรือในสถานที่ที่ไม่มีแสงเท่านั้น บริเวณที่มีแมลงสาบชุกชุมสามารถสังเกตเห็นมูลของแมลงสาบ มีรอยเปื้อนสีดำหรือมีของเหลวสีดำ เกลือนอยู่ โดยเฉพาะบริเวณที่มีอาหาร ตู้เก็บอาหาร ถังขยะ เนื่องจากแมลงสาบมักชอบกินอาหารพวกแป้ง และน้ำตาล รวมถึงสารที่มี โครงสร้างซับซ้อน เช่น เซลล์ลูโลส อาหารเน่าเสีย เป็นต้น
แมลงสาบ ที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย
มี 4 สายพันธุ์ ดังนี้
1. แมลงสาบอเมริกัน (American cockroach/Perplaneta american)
- เป็นสายพันธุ์ที่มีแหล่งกำเนิดในแอฟริกา ปัจจุบันแพร่กระจายไปทั่วโลก เป็นชนิดที่พบมากที่สุดในประเทศไทย ลำตัวมีขนาดใหญ่ ตัวยาว 35-40 มม. ปีก และลำตัวมีสีน้ำตาลเข้ม มีรอยจางๆ บริเวณ pronotum เพศผู้ มีปีกยาวกว่าเพศเมีย ปีกเพศผู้ ปกยาวเลยส่วนท้อง ส่วน ปีกเพศเมีย ปกถึงส่วนท้องพอดี
- แมลงสาบสายพันธุ์นี้สามารถเข้าสู่ระยะสืบพันธุ์ได้หลังจากเจริญเป็นตัวเต็มวัยประมาณ 7 วัน วางไข่หลังการผสมพันธุ์ 7-14 วัน ถุงไข่มีลักษณะสีน้ำตาลเข้ม ยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร 1 ถุงไข่ มีไข่ประมาณ 15-30 ฟอง โดยเพศเมียจะพาถุงไข่ติดส่วนท้องด้วย และ หลังจากนั้น 1 วันจึงปล่อยถุงไข่ตามซอกผนัง แมลงสาบเพศเมีย 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ประมาณ 1000 ฟอง ตลอดช่วงชีวิต ตัวอ่อน จะฟักออกจากไข่ประมาณ 30-45 วัน หลังการวางไข่ และมีการลอกคราบประมาณ 7-13 ครั้ง ตลอดช่วงการเติบโตเป็นตัวเต็มวัย ในช่วงชีวิตประมาณ 1-1.5 ปี โดยมักพบอาศัยตามบ้านเรือน พบในมุมอับ ซอกผนัง บริเวณพื้นที่มืด โดยเฉพาะแหล่งอาหารใน บ้านเรือน และ ถังขยะ
2. แมลงสาบเยอรมัน (Blatella germanica หรือ German cockroach)
- พบแพร่กระจายทั่วโลก พบมากในเขตอบอุ่น และเป็นชนิดที่พบมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ลำตัวมีขนาดเล็ก ยาวประมาณ 12-16 มม. ลำตัว และปีกมีสีเหลืองอมน้ำตาล มีเส้นดำยาวพาดผ่าน pronotum 2 เส้น แมลงสาบเยอรมันเพศเมีย มีลักษณะสีเข้ม ลำตัวใหญ่ อ้วนกว่าเพศผู้ เป็นแมลงสาบที่มีความว่องไว และระวังตัวมากกว่าแมลงสาบชนิดอื่นๆ
- ลักษณะการสืบพันธุ์ และวางไข่จะคล้ายกับแมลงสาบอเมริกัน ถุงไข่จะประกอบด้วยไข่ประมาณ 30-45 ฟอง ตลอดช่วงชีวิตของ เพศเมียสามารถวางไข่ได้ประมาณ 30,000 ฟอง ตัวอ่อนฟักออกจากไข่ 2-4 หลังการวางไข่ และลอกคราบประมาณ 5-7 ครั้ง ตลอดช่วงตัวเต็มวัยที่อายุประมาณ 100-150 วันแมลงสาบชนิดนี้มักพบได้ทั่วไปในทุกที่ โดยเฉพาะตามซอกมุมอับต่างๆ แหล่งที่ ชื้นแฉะ และมีอาหาร
3. แมลงสาบตะวันออก/แมลงสาบสามัญ (Blatella orientalis หรือ common cockroach)
- มีชื่อเรียกอื่น คือ Black beetle พบแพร่กระจายทั่วโลก และพบมากในเขตอบอุ่น เป็นแมลงสาบขนาดปานกลาง ลำตัวเล็กกว่า แมลงสาบอเมริกันเล็กน้อย ลำตัวยาวประมาณ 22-28 มม. ส่วนท้องใหญ่ ลำตัว และปีกมีสีน้ำตาลแดงจนถึงดำ ตามตัวมีลายดำ สลับเหลือง ปีกแมลงสาบเพศเมียจะเจริญยาวถึงเพียงปล้องที่สองของส่วนท้อง ส่วนเพศผู้จะมีปีกยาวกว่า แต่จะไม่คลุมปิดส่วนท้อง ทั้งหมด ซึ่งคลุมยาวประมาณ 3 ใน 4 ของส่วนท้องเท่านั้น เป็นแมลงสาบที่เคลื่อนไหวช้า เนื่องจากมีท้องใหญ่
- การสืบพันธุ์สามารถเข้าสู่ระยะสืบพันธุ์ได้หลังจากเจริญเป็นตัวเต็มวัยประมาณ 4-10 วัน และจะวางไข่หลังการผสมพันธุ์ 8-10 วัน ถุงไข่มีลักษณะสีน้ำตาล 1 ถุงไข่ มีไข่ประมาณ 12-16 ฟอง แมลงสาบเพศเมีย 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ประมาณ 250 ฟอง ตลอดช่วง ชีวิต ตัวอ่อนจะฟักออกจากไข่ประมาณ 40-50 วัน หลังการวางไข่ และมีการลอกคราบประมาณ 7-10 ครั้ง ตลอดช่วงการเติบโตเป็น ตัวเต็มวัยในช่วงชีวิตประมาณ 215-995 วัน โดยมักพบอาศัยตามบ้านเรือน โดยเฉพาะบริเวณซอกผนัง บริเวณพื้นที่มืดหรือ ใต้ถุนบ้านที่มีอากาศเย็น และใกล้แหล่งอาหาร และอาจพบภายนอกบ้านตามเปลือกไม้ กองไม้ กองหิน เป็นต้น
4. แมลงสาบคาดสีน้ำตาล (Brown-banned cockroach หรือ Supella supel-lectilium)
- มีลักษณะคล้ายแมลงสาบเยอรมัน แต่มีขนาดเล็กกว่า มีขนาดลำตัวยาว 10-14 มม. ปีกมีแถบขวาง 2 แถบ แถบแรกมีสีเหลืองอ่อน พาดที่โคนปีก ส่วนอีกแถบมีสีเข้มกว่าพาดต่ำลงมาจากแถบแรกประมาณ 1.5 มิลลิเมตร เพศเมียมีรูปร่างอ้วนใหญ่กว่า แต่ปีกสั้นกว่า ส่วนเพศผู้รูปร่างเพรียวเล็ก มีปีกยาวกว่า และคลุมมิดส่วนท้องเล็กน้อย
- การสืบพันธุ์ สามารถเข้าสู่ระยะสืบพันธุ์ได้หลังจากเจริญเป็นตัวเต็มวัยประมาณ 5-10 วัน และจะวางไข่หลังการผสมพันธุ์ 10 วัน ถุงไข่มีลักษณะสีน้ำตาลแดง 1 ถุงไข่ มีไข่ประมาณ 16 ฟอง แมลงสาบเพศเมีย 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ประมาณ 250 ฟอง ตลอดช่วง ชีวิต ตัวอ่อนจะฟักออกจากไข่ประมาณ 50-70 วัน หลังการวางไข่ และมีการลอกคราบประมาณ 7-10 ครั้ง ตลอดช่วงการเติบโตเป็น ตัวเต็มวัยในช่วงชีวิตประมาณ 145-380-995 วัน โดยมักพบตามพื้นที่ทั่วไปบริเวณมุมอับ ที่มืด และใกล้แหล่งอาหาร