วิธีปฐมพยาบาลเมื่อได้รับสารพิษ
ในชีวิตประจำวันของเราต้องพัวพันกับสารเคมีเยอะไปหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นยา เครื่องสำอาง สเปรย์กำจัดแมลง ฯลฯ แต่บางครั้งด้วย ความที่เราอาจจะไม่ได้ระวังหรืออาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี เลยทำให้เราได้รับสารเคมีนั้นๆในปริมาณเกินกว่าที่เหมาะสมซึ่งก่อให้เกิด พิษต่อร่างกาย ดังนั้นเราควรรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อได้รับสารเคมี เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตของเราเอง ก่อนถึงมือหมอ
เอาหล่ะก่อนที่เราจะไปรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น เราก็ควรรู้ไว้ก่อนว่าสารเคมีนั้นมีหลายประเภทแล้วแต่ละประเภทก็มีฤทธิ์เป็น กรด ด่างแตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนที่เราจะปฐมพยาบาลเราควรจะต้องประเมินเบื้องต้นได้ว่าเคมีนั้นๆมีฤทธิ์หนักไปทางไหน และได้ รับเข้าสุ่ร่างกายโดยวิธีใด
อาการที่จะแสดงเมื่อสารพิษเข้าสู่ร่างกาย
- อาการโดยเบื้องต้นทั่วไป คือ จะมีผื่นแดงขึ้นตามตัวหรือที่ปาก ปวดศรีษะ มึนงง หนาว มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หายใจ ลำบาก หายใจตื้นและถี่ เจ็บหน้าอก ใจสั่น
- ในรายที่มีอาการรุนแรงหรือได้รับสารพิษในปริมาณมากๆ จะมีอาการดังนี้ ชักกระตุก กล้ามเนื้อเกร็ง ปัสสาวะ อุจจาระราด หมดสติ หากไม่นำส่งแพทย์อย่างเร่งด่วนอาจจะเสียชีวิตได้
- ได้รับสารเคมีโดยการรับประทาน
- ให้ผู้ป่วยรีบดื่มนมหรือไข่ดิบ หรือน้ำเปล่าทันที แต่ถ้าในกรณีที่ผู้ได้รับสารเคมีกำลังชักหรือสลบ อย่าให้ดื่มอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น เพราะอาจจะไหลลงหลอดลมทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้
- ทำให้อาเจียนโดยใช้นิ้วแหย่เพดานคอ หรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่นจัดๆ (ผสมเกลือ1ช้อนโต๊ะกับน้ำ1แก้วประมาณ250cc.) หรือทั้งดื่มและล้วงคอ ถ้าผู้ป่วยมีอาการชักหรือสลบ ต้องระวังอย่าให้มีเศษ อาหารทะลักเข้าไปในหลอดลมเด็ดขาด ในกรณีที่ดื่มกรดให้ดื่มน้ำปูนใสแล้วดื่มนมเพื่อลดการระคายเคืองก่อนค่อยทำให้อาเจียน เพราะหากไม่ทำแบบนี้จะเป็นอันตรายต่อทางเดินอาหารช่วงต้น(ช่วงหลอดอาหาร ลำคอ ลิ้น ปาก) จากนั้นค่อยทำให้อาเจียน ถ้าดื่มสารเคมีที่เป็นด่างให้ดื่มน้ำผลไม้ เช่นน้ำส้ม หรือน้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อยเพื่อปรับค่า ph ของเคมี แล้วค่อยดื่มนมหรือ ไข่ตีก่อนทำให้อาเจียน
- ให้ยาถ่าย เพื่อช่วยขับสารพิษออกทางลำไส้ ย่าถ่ายที่เหมาะสมที่สุดได้แก่ โซเดียมซัลเฟต ดีเกลือ น้ำมันละหุ่ง
- ได้รับสารเคมีอันตรายที่ผิวหนัง
ก่อนอื่นต้องเชคก่อนว่าสารเคมีนั้นๆทำปฏิกิริยากับน้ำหรือไม่ ถ้าใช่ก่อนที่จะล้างน้ำให้ทำการเช็ดออกก่อนโดยใช้ผ้าสะอาดแล้วค่อย ล้างน้ำอย่างน้อย 15 นาทีขึ้นไป ถ้าไม่ใช่ให้ล้างผิวหนังในบริเวณที่ถูกเคมีโดยใช้น้ำสะอาดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อทำให้เคมี นั้นเจือจางลงและขับออกไปให้มากที่สุด ถ้าสารเคมีหกรดเสื้อผ้าให้รีบถอดเสื้อผ้าออกก่อน ห้ามใช้สารแก้พิษใดๆทั้งสิ้นเทลงไปบน ผิวหนัง เพราะอาจจะเกิดความร้อนจากปฏิกิริยาเคมีทำให้แผลกว้างและเจ็บมากขึ้น บางชนิดมีฤทธิ์ทำให้ผิวพุพองได้ด้วย ดังนั้นจึง ต้องระวังให้มาก - ได้รับสารเคมีอันตรายที่ตา
ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากๆทันที โดยเปิดเปลือกตาขึ้นให้น้ำไหลผ่านอย่างน้อยๆ 15 นาที (แสบตาก็ต้องยอม) ป้ายขี้ผึ้ง ป้ายตา แล้วนำส่งแพทย์อย่างด่วนที่สุด ห้ามใช้สารเคมีแก้พิษใดๆทั้งสิ้น เพราะจะยิ่งทำให้ระคายเคืองและเป็นอันตรายเพิ่มขึ้น - ได้รับสารเคมีอันตรายจากการสูดดม
ให้รีบย้ายผุ้ป่วยออกจากบรรยากาศของสารเคมีไปยังที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ แล้วช่วยผายปอดหรือกระตุ้นการหายใจด้วยการดมยาดม ฉุนๆ
ข้อควรปฏิบัติในการเก็บสารเคมี
- เก็บน้ำยาเคมีภัณฑ์ที่ใช้ภายในบ้านหรืออาจเกิดอันตรายให้พ้นมือเด็ก
- จัดข้าวของเครื่องใช้ให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะปนกันกับสารเคมีอันตราย
- อ่านฉลากและข้อควรระวังก่อนใช้งานทุกครั้ง
- หลังการใช้งานให้เก็บเข้าที่ทันที และทำความสะอาดร่างกาย
- ไม่ควรเปลี่ยนถ่ายภาชนะของเคมีภัณฑ์ทุกชนิด เพราะบรรจุภัณฑ์ต่างๆได้ถูกออกแบบมาเพื่อบรรจุสารเคมีนั้นๆโดยเฉพาะ
สรุป หากมีความคิดว่าจะใช้สารเคมีแล้วหล่ะก็ ต้องระมัดระวังให้มาก เพื่อชีวิตและสุขภาพเราเองด้วยนะครับ